
ทำความรู้จัก "วังน้ำเขียว" แหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน
ความเป็นมาของอำเภอวังน้ำเขียววังน้ำเขียว เป็นอำเภอหนึ่งที่อยู่ตอนใต้ของจังหวัดนครราชสีมาที่มาของชื่อ วังน้ำเขียว นั้นได้มาจากสภาพภูมิประเทศของที่นี่ เพราะพื้นที่ในแถบนี้มีวังน้ำที่ใสงดงามเป็นธรรมชาติ น้ำนั้นใส จนมองเห็นเงาสะท้อนสีเขียวของต้นไม้จึงเรียกพื้นที่นี้ว่าวังน้ำเขียวนั่นเอง...
วังน้ำเขียว ได้มีชื่อเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก จึงมีผู้นิยมไปท่องเที่ยวมากมาย มีสถานที่พักมากมายวังน้ำเขียว มีถนนเส้นหลักที่พาดผ่านอำเภอกบินทร์บุรี จากด้าน จ.ปราจีนบุรี ผ่านวังน้ำเขียวยาวลงไปถึงปักธงชัยคือทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 304
ปัจจุบันวังน้ำเขียวมีการปกครอง แยกเป็น 5 ตำบลตำบลต่างๆ ประกอบด้วย ตำบลวังน้ำเขียว ตำบลไทยสามัคคี ตำบลอุดมทรัพย์ ตำบลวังหมี และตำบลระเริงและมีพื้นที่ติดต่อกับ อำเภอนาดี อำเภอปักธงชัย อำเภอปากช่อง อำเภอเสิงสาง และอำเภอครบุรี
สภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศภูมิประเทศของอำเภอวังน้ำเขียว ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง เลยทำให้วังเขียวมีอากาศที่เย็นสบายเกือบ ทั้งปีฝนก็ชุก และมีหมอกมาก จะเห็นได้จากคำขวัญของอำเภอที่ว่า "วังน้ำเขียว เมืองหนาว ภูเขามากมาย น้ำตกหลากหลาย ผลไม้นานาพันธุ์ แดนสวรรค์เมืองหมอก" แต่คนส่วนมากที่เคยมา เที่ยวจะกล่าวถึงวังน้ำเขียวว่าเป็น " สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน" เพราะพื้นที่และอากาศในแถบนี้คล้ายคลึงกับสวิตเซอร์แลนด์
เป็นโชคดีของคนไทยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงยุโรปก็สามารถ สัมผัสบรรยากาศที่สวยงามได้เช่นกัน... ฤดูหนาวของวังน้ำเขียว เริ่มต้นประมาณเดือนพฤศจิกายน-มกราคม อุณภูมิก็หนาวกำลังดีประมาณ 9-18 องศา ทำให้ได้รู้สึกถึงความเป็น หน้าหนาวจริงๆ ส่วนหน้าฝนนั้น มีฝนตกชุก เมื่อหลังฝนตกแล้ว ส่วนใหญ่จะมีหมอกพัดมาเป็นสายอย่างชัดเจน จนบางครั้งรู้สึกว่า อยู่ในทะเลหมอกเลยทีเดียว ซึ่งภาพและบรรยากาศแบบนี้ ยากที่จะบรรยายความสวยงามออกมาเป็นคำพูดได้ ต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวท่านเอง
...ข้อมูลจาก http://www.moohin.com/043/wnk.shtml










และพาไปที่จุดดูกระทิง ซึ่งต้องใช้เวลาในการรอดู เพราะการรอดูสัตว์ป่า ไม่แน่นอน ไม่รู้จะเจอตอนไหน ซึ่งจุดดู จะเป็นการดูจากที่สูง มองลงไปในพื้นที่ป่า ดูตามดินโป่ง ซึ่งมี 2 ที่ ปกติสัตว์ป่าจะมากินดินโป่ง ...วันนี้ แดดยามเช้าค่อนข้างแรง เจ้าหน้าที่บอกมีโอกาสน้อยมาก ที่จะได้เห็น เพราะแดดออกแต่เช้า ปกติสัตว์ป่าจะมากินดินโป่งในเวลากลางคืน หรือไม่ก็ยามเช้าก่อนแดดออก ..รอดูสักพัก ไม่เห็นกระทิง ก็เลยตัดสินใจกลับ เพราะถ้าจะรอดูจริงๆคงต้องนอนค้างรอดู ยังเช้าอยู่เลย เลยตัดสินใจบริหารเวลาโดยไปเที่ยวที่อื่นๆต่อ



นอกจากดอกเบญจมาศ ยังมีแปลงผักแปลงดอกไม้อื่นๆด้วย มีดอกกุหลาบด้วย
ออกจากสวนวิภา ชักเริ่มหิวข้าว จึงขับรถหาร้านขายอาหาร















